วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทัวร์ญี่ปุ่น วันที่ 4 (นาริตะ – พระราชวังอิมพีเรียล – วัดอาซากุสะ – ฮาราจุกุ – ช้อปปิ้งเอออน พลาซ่า)


ทริปญี่ปุ่นวันสุดท้าย เริ่มต้นที่พระราชวังอิมพีเรียล ต่อด้วยวัดอาซากุสะ และฮาราจุ ซึ๋งทั้งหมดอยู่ในกรุงโตเกียว


 “พระราชวังอิมพีเรียล” อันเป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิและพระราชวงศ์ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้ที่ได้รับการบริจาคมาจากประชาชนทั่วประเทศเมื่อครั้งสร้างพระราชวังในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ด้วยเนื้อที่กว่า 270 เอเคอร์ ล้อมรอบด้วยกำแพงหินขนาดมหึมาและคูน้ำสมัยเอโดะ ... ชมสวน “โคเคียวไกเอน” ที่เต็มไปด้วยสนดัดสวยๆมากมายอายุกว่า 100 ปี ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ “สะพานนิจูบาชิ” ที่เชื่อมลานหินกรวดขนาดใหญ่ด้านนอกพาดผ่านคูพระราชวังชั้นในโดยมี “ฟุชิมิยากุระ” (หอฟุชิมิ) เป็นฉากหลัง


จากนั้น เดินทางไปยัง “วัดเซ็นโซจิ” หรือ “วัดอาซากุสะ” วัดที่เหล่าโชกุนและซามูไรให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก นมัสการองค์เจ้าแม่กวนอิมทองคำที่ประดิษฐานในวิหารหลังใหญ่ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ “คามินาริมง(ประตูฟ้าคำรณ)” ซึ่งมีโคมไฟสีแดงที่ได้ชื่อว่าเป็น “โคมไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก” แขวนอยู่ โดยมี “ถนนนากามิเสะ” ถนนร้านค้า แหล่งรวมสินค้าของที่ระลึกต่างๆมากมาย อาทิ พวงกุญแจ ตุ๊กตาแมวกวัก ดาบซามูไร ชุดกิโมโน ร่มญี่ปุ่น






ที่เห็นสูงอยู่เบื้องหลัง คือ“โตเกียวสกายทรี” โดยมีความสูงถึง 634 เมตร นับว่า เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก โตเกียว สกาย ทรี เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2008ถูกออกแบบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ตึกส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์ แบบดิจิตัล, วิทยุ, ระบบเครือข่ายไร้สาย, ห้องส่งสัญญาณโทรทัศน์ในโตเกียว, พื้นที่เพื่อการค้า, และจุดชมวิว 2ระดับ อยู่ที่ความสูง 350 เมตร และ 450 เมตร



 “คามินาริมง(ประตูฟ้าคำรณ)” ซึ่งมีโคมไฟสีแดงที่ได้ชื่อว่าเป็น “โคมไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก” 



เที่ยงนี้กับอาหารญี่ปุ่นแบบเซ็ตเมนู เทมปุระนุ่มอร่อย ทั้งเทมปุระกุ้งและเทมปุระผัก ซาชิมิหรือปลาดิบ ปลาย่างแบบญี่ปุ่น ไข่ตุ๋นรสเด็ด เครื่องเคียงผักดอง เสริฟพร้อมข้าวสวยญี่ปุ่น อยู่ใกล้ๆ กับวัดอาซากุสะ



จากนั้นไปช้อปปิ้งยังย่าน “ฮาราจูกุ” แหล่งรวมแฟชั่นทันสมัยของวัยรุ่นญี่ปุ่น อิสระกับการช้อปปิ้งยัง “ตรอกทาเคชิตะ” สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านขายของวัยรุ่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า ร้านฟาสท์ฟูดที่วันสุดสัปดาห์จะเป็นแหล่งนัดพบของพวก “แต่งตัวประหลาด” มักมาแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน ร้านเครปญี่ปุ่นอร่อยๆมากมาย รวมถึงร้าน 100 เยน หรือ เลือกช้อปปิ้งแบบสบายๆ บนถนน “โอโมเตะซันโด” ย่านไลฟ์สไตล์อันทันสมัย อยู่ติดกับฮาราจูกุ โดยเดินตรงจาก Takeshita Dori ไปจนถึง Aoyama Dori ก็จะเจอ ถนนโอโมเตะซันโด ซึ่งขนานนามว่า "Champs-Elysees แห่งกรุงโตเกียว" เป็นย่านที่เต็มไปด้วยของแบรนด์เนม เหมาะกับนักช็อปที่มีทุนหนาหน่อย เช่น Prada,Louis Vuitton,Christian Dior เป็นต้นด้วยบรรยากาศคล้ายยุโรปกับตึกร้านค้าที่ออกแบบและตกแต่งสไตล์ยุโรปและปลูกต้นเซลโกเวียเป็นทิวแถว แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมสุดหรูที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง




เดินทางช้อปปิ้งกันต่อที่ “เอออน พลาซ่า” (อันเดียวกันกับอีออน ที่บ้านเรา) ศูนย์รวมแห่งสินค้าชั้นนำนานาชนิด อาทิ นาฬิกา, กล้อง, กระเป๋า, รองเท้า, เสื้อผ้า เป็นต้น และยังมี “ร้าน 100 เยน” สินค้าทีมีคุณภาพดีจากประเทศญี่ปุ่นแต่ราคาแสนจะถูก อยู่ที่เมืองนาริตะ



มาที่นี่ได้มีโอกาสกินข้าวที่ร้านอาหารไทย ร้านแก้วใจ จานนี้ กระเพราไก่ไข่ดาว เมนูสิ้นคิด 55 ก็อร่อย แต่ราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยกินกระเพราไก่ไข่ดาวมาคือประมาณจานละ 360 บาทไทย



สิ้นสุดการเดินทางทริปนี้ กลับไปนอนที่โรงแรม APA NARITA ตื่นเช้าขึ้นมาก็เดินทางกลับกรุงเทพครับ ข้อมูลที่มาบรรยายทั้งหมด จากมิสเตอร์ ทราเวล และไกด์คือคุณวิกรร สุดท้ายก็ขอขอบพระคุณที่สนใจอ่านบล๊อกของผมครับ ^^

ทัวร์ญี่ปุ่น วันที่ 3 (ยามานากาโกะ – โอชิโนะ ฮักไก – ล่องเรือโจรสลัดฮาโกเน่ – โอวาคุดานิ – โตเกียว - ช้อปปิ้งชินจูกุ)


ตื่นเช้า ทริปญี่ปุ่นวันที่สาม (4 สิงหาคม 2555) พร้อมกับรับประทานอาหารที่โรงแรม Fujinoboukaen กับวิวภูเขาไฟฟูจิในยามเช้า




หน้าโรงแรมสวยมากครับ ของซัก 2-3 รูป


เดินทางสู่ “โอชิโนะ ฮักไก”  ซึ่งเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้สวยงามที่สุดอีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมากและที่นี่ยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อันแสนบริสุทธิ์ ซึ่งเกิดจากน้ำฝนไหลผ่านด้านบนภูเขาไฟฟูจิและผ่านเข้ามาภายในและสุดท้ายไหลลงสู่ด้านล่างซึ่งใช้เวลายาวนานถึง 3 - 4 ปี ซึ่งน้ำในบ่อนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่าถ้านำมาดื่มนอกจากจะได้ความสดชื่นจากการลิ้มรสน้ำอันบริสุทธิ์ ยังจะทำให้สุขภาพแข็งแรงและจะมีโชคดีอีกด้วย ที่นี่สามารถซื้อของที่ระลึกจากร้านค้าที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณนี้อย่างสำราญใจ




ลงจากรถบัสระหว่างทางเดินไปบริเวณบ่อน้ำศักสิทธิ๋ เห็นดอกไม้ ถ่ายซะหน่อย สวยดีครับ


อันนี้เป็นร้านค้า บริเวณสองข้างทางเดิน





วิวสองข้างทางตอนเดินกลับไปที่รถบัส


เดินทางต่อไป เปลี่ยนบรรยากาศของการเดินทางด้วยการ “ล่องเรือโจรสลัดทะเลสาบอาชิ” ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฮาโกเน่เมื่อกว่า 3,000 ปีมาแล้ว ทั้งยังเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้ดีอีกแห่งหนึ่งด้วย


ไปขึ้นเรือกัน





วิว ทิวทัศน์ และสาวๆ ญี่ปุ่น เอิ๊กๆ



จากแผนที่ เส้นสีเหลืองคือการเดินทางด้วยเรือโจรสลัด เส้นสีชมพู คือการเดินทางด้วยกระเช้าไปยังโอวาคูดานิ

ลงจากเรือโจรสลัดปุ๊บ ต่อด้วยขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่สถานี Togendai-ko เดินทางสู่ “โอวาคุดานิ” หรือหุบเขานรกที่เกิดขึ้นจากการปะทุขึ้นมาของภูเขาไฟฮาโกเน่เมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้เกิดควันและบ่อน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน น้ำและควันเหล่านี้จะมีส่วนผสมของกำมะถันที่มีเอกลักษณ์พิเศษอยู่ด้วยโดยความร้อนของน้ำที่ผุดขึ้นมานั้นสามารถต้มไข่ให้สุกได้และจะทำให้เปลือกไข่กลายเป็นสีดำ โดยกล่าวกันว่าถ้าใครได้ทานไข่ดำหนึ่งฟองอายุจะยืนขึ้นอีกเจ็ดปีเลยทีเดียว


บนสถานีกระเช้าลอยฟ้ามีที่ให้แชะกัน


อยู่บนกระเช้าแล้ว


ถึงแล้วหุบเขานรก


กินมื้อเที่ยงที่นี่เลย อาหารญี่ปุ่นแบบเซ็ตเมนู ปลาทรงเครื่องราดซอสแบบญี่ปุ่น พร้อมด้วยเครื่องเคียงเป็นผักดองสไตล์ญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมด้วยซุปเต้าเจี้ยวหรือซุปมิโซะญี่ปุ่น ข้าวสวยร้อนๆและชาญี่ปุ่น ที่ขาดไม่ได้คือไข่ดำ !


อิ่มแล้ว ช้อปปิ้งกันนิดหน่อย แล้วจ่ายตังที่นี่


ไอกำมะถันที่พุ่งขึ้นมาจากภูเขา


ที่นี่มีฝนตกโปรยปรายนิดๆ ก็เลยต้องกางร่มกันหน่อย ^^


กระเช้าที่่วิ่งผ่านหุบเขา


ขอลงรูปผู้เขียนบ้าง ^^


จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าชินกันเซน ที่เมืองโยโกฮาม่า มุ่งหน้าไปยังกรุงโตเกียว



ตั๋วรถไฟฟ้าชินกันเซน + รถไฟฟ้า JR


บนรถไฟฟ้าชินกันเซน


เส้นทางที่นั่งรถไฟฟ้าชินกันเซน จากเมืองโยโกฮาม่า ไปยังสถานีชินะงะวะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีกว่าๆ เดินทางสู่ “กรุงโตเกียว” เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น โตเกียวตั้งอยู่บริเวณภาคคันโตของญี่ปุ่น คำว่า "โตเกียว" หมายถึง "นครหลวงตะวันออก" เมืองโตเกียวมีระบบการปกครองแบบพิเศษซึ่งรวมการปกครองในรูปแบบจังหวัดและเมืองไว้ด้วยกัน และเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง ในปี 2548 โตเกียวได้รับการจัดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก โดยในปี 2550 โตเกียวได้เป็นอันดับที่ 4 รองจาก มอสโก ลอนดอน และ โซล


สถานีชินะงะวะ เดินทางต่อไปยังชินจูกุ ด้วยรถไฟฟ้า JR



“ชินจูกุ” ย่านแห่งความเจริญอันดับหนึ่งของกรุงโตเกียว ท่านจะได้พบกับห้างสรรพสินค้า และร้านขายของนับเป็นพัน ๆ ร้าน ซึ่งจะมีผู้คนนับหมื่นเดินกันขวักไขว่ ถือเป็นจุดที่นัดพบยอดนิยมอีกด้วย เชิญท่านเลือกชมสินค้ามากมาย อาทิเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, กล้องถ่ายรูปรุ่นล่าสุด, IPOD, MP-3, NOTEBOOK, SANRIO SHOP, GAMES SHOP, นาฬิกา, เสื้อผ้า, รองเท้าแฟชั่นทันสมัย และเครื่องสำอาง เป็นต้น ... “ชินจูกุ” หมายถึง “ที่พำนักใหม่” ในสมัยเอโดะ โตกุกาว่า อิเอยะสึ ได้มีคำสั่งให้สำรวจย่านนี้ตามคำขอของพวกพ่อค้าและตั้งเมืองหน้าด่านขึ้นบนถนนโคชุไคโด ไม่นานก็กลายเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น มีทั้งโรงน้ำชา ร้านค้า โรงเตี๊ยมและหอคณิกาอีกกว่า 50 แห่ง


ชินจูกุ




จากนั้น เดินทางกลับไปที่ “นาริตะ” เมืองนี้เริ่มมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อนายกรัฐมนตรีซาโตะ เอซากุ เริ่มวางแผนการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะในปี พ.ศ. 2509 การสร้างท่าอากาศยานและการเชื่อมต่อเส้นทางเข้าสู่ใจกลางกรุงโตเกียว ทำให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านอาคารบ้านเรือน ธุรกิจ และอุตสาหกรรมภายในเมืองนาริตะอย่างรวดเร็ว

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารบริการท่านด้วย ชาบู ชาบู แท้แบบฉบับญี่ปุ่น ได้สัมผัสการรับประทาน ชาบุ ชาบุแบบคนญี่ปุ่น มีเนื้อหมูหรือเนื้อวัว ผักสดต่างๆ เห็ดเข็มทอง เสริฟพร้อม น้ำจิ้มชาบู ชาบูแท้ๆ ทั้งรสงา หวาน มัน และ รสเปรี้ยว พร้อมเส้นอุด้ง และข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ แล้วนอนหลับพักผ่อนที่โรงแรม APA NARITA (นาริตะ) ต่อกันเลย ทัวร์ญี่ปุ่น วันที่ 4 คลิกเลย